คุณอยู่ที่

บทที่ 20 เมืองวิทาเรีย ตอนที่ 1

เขียนโดย nuttapol เมื่อ อาทิตย์, 11/27/2022 - 09:08
Share

หมวดเนื้อหา:

หลายวันผ่านมา กลุ่มของวินได้ออกมาจากหมู่บ้าน หลังจากนั้นกลุ่มเด็กหนุ่มได้มาหยุดพักใต้ต้นไม้ใหญ่ ตรงหน้ามีลำธารใสกระจ่าง หมู่มัจฉาแหวกว่ายเรากับว่าชีวิตนี้มันไม่ต้องการสิ่งใด ดูที่พวกมันไม่รู้เลยว่าอีกไม่นานพวกมนุษย์ใจร้ายจะมาจัดการนำพวกมันไปเป็นอาหารกลางวัน
“จะพักกินข้าวกลางวันที่นี่อย่างงั้นหรอ”จีน่าหันไปมองเด็กหนุ่มที่มีท่าทางเหนื่อยหอบ สาเหตุที่ววินต้องมีสภาพแบบนี้นั่นก็เพราะว่าเขายอมตามใจเด็กทั้งสอง เด็กหนุ่มให้คุโระและชิโระขี่หลังแล้ววิ่งมาอย่างรวดเร็ว ดูที่มีจีน่าลินและอาโออิวิ่งตามมาไม่ห่าง
“ถึงเธอไม่อยากพักพวกฉันก็ต้องพัก” อาโออิหยิบน้ำขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ ก่อนที่จะสูดหายใจรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด
“นั่นสิ ฉันเห็นด้วย ถ้าจะให้เดินต่อไปฉันก็ไม่ไหวเหมือนกัน เนาะจีน่า”
“และอีกอย่างนึง ดูเด็กสองคนนั่นสิท่าทางจะสนุกสนานกับการดูปลาริมลำธารนะ”
“ไหนๆก็ไหนๆเราก็ไม่รีบกันด้วยนี่นาหยุดพักที่นี่สักแป๊บนึงก็คงไม่มีปัญหาหรอก” เด็กหนุ่มบิดขี้เกียจก่อนที่จะหันมาพูดกับจีน่า ก่อนที่จะเหลือบสายตาไปมองยังเด็กทั้ง 2 ที่กำลังดูปลาที่ว่ายน้ำอย่างสนุกสนานอยู่ริมลำธาร
“ฉันก็ไม่ได้หมายความว่าจะรีบไปไหนหรอก แต่ว่าที่นี่มันไม่เหมาะกับการพักผ่อนสักเท่าไหร่ ไม่แน่ถ้าเดินไปเรื่อยๆอาจจะเจอที่พักที่ดีกว่านี้ก็ได้ แล้วลองคิดดูสิไม่แน่นะอาจจะมีหมู่บ้านอยู่ก็ได้นะ”
“หลายวันแล้วที่พวกเราไม่ได้อาบน้ำ ถ้านานกว่านี้ฉันคงทนไม่ไหวแน่ๆใช่ไหมลิน” อาโออิกล่าว ก่อนที่จะหันมาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
“นั่นสิ ถ้าได้อาบน้ำบ้างก็คงดี”
“ฉันก็บอกแล้วว่าให้ใช้วิธีของฉันพวกเธอจะได้อาบน้ำได้ยังไงล่ะ”
สิ้นคำของวินสามสาวจึงหันมาทำตาเขียวใส่ ก่อนที่จะพูดพร้อมกัน “ไม่มีทาง”
เด็กหนุ่มมองท่าทางปฏิเสธอย่างแข็งขันของทั้ง 3 สาวก่อนที่จะถอนหายใจ หากเป็นสมัยก่อนความคิดแบบนี้ในสงครามคงจะเป็นเรื่องที่ผู้หญิงที่เข้าสู่หน่วยรบพิเศษไม่ค่อยใส่ใจมากนัก แต่ว่าสำหรับที่นี่ในตอนนี้ทั้ง 3 สาวนั้นเป็นคนธรรมดาที่ไม่เคยผ่านศึกสงคราม ดังนั้นการรักนวลสงวนตัวและห่วงสวยห่วงงามจึงเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกหล่อน
เขาคิชฌกูฏหัวแทบแตกก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตั้ง 3 สาวถึงไม่ยอมทำตามสิ่งที่เขาบอก ไม่ใช่ว่าตลอดการเดินทางนี้จะไม่ผ่านที่มีแหล่งน้ำที่ใสสะอาด แต่ว่าพวกหล่อนกลับไม่ยอมอาบเพราะว่าพวกหล่อนบอกว่าอายที่จะอาบน้ำต่อหน้าเขา โดยเฉพาะหญิงสาวที่ตัวโตหน้าอกใหญ่ขึ้นกว่าสองปีก่อน หญิงสาวผมน้ำตาลและผมทองซึ่งก็คืออาโออิกับจีน่า พวกหล่อนปฏิเสธยางหัวเด็ดตีนขาดต่อให้จะต้องตายก็ไม่ยอมใช้วิธีของเขา
ไม่เหมือนกับหญิงสาวผมฟ้าที่หน้าตาครับคล้ายครับคราแฟนของเขาในชาติก่อน หล่อนไม่ได้ปฏิเสธอันที่จริงแล้วไม่สนใจเลยด้วยซ้ำ วิธีที่เขาเสนอก็คือให้พวกหล่อนทั้ง 3 แบบน้ำโดยที่มีเขาเฝ้าให้ แต่ว่าพวกเธอกับกลัวว่าเขาจะแอบดูตัวเอง ทั้งสองสาวพูดเป็นทำนองเดียวกันว่ามันเป็นสัญชาตญาณของผู้ชายทุกคน
เด็กหนุ่มหยุดคิดสะระตะในหัวก่อนที่จะมาตั้งใจมอง 2 เด็กน้อยอีกครั้ง
“กินปลาเป็นอาหารกลางวันดีไหมครับพี่” เสียงเด็กผู้ชายถามทำให้เด็กหนุ่มหันไปมอง
ใบหน้านรเรือประดับด้วยรอยยิ้มแย้มพร้อมกับท่าทางที่แสดงถึงความสนุกสนาน ท่าทางดังกล่าวนั้นทำให้เด็กหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ประกอบกับท่าทางพร้อมกับปลามากมายที่กองอยู่บนพื้น ทำให้ชายหนุ่มในร่างเด็กหนุ่มรู้ได้ทันทีว่ามื้อเที่ยงเขาต้องให้สองสาวช่วยย่างปลาให้กินอีกครั้ง
หากจะถามว่าเขาสามารถย่างได้หรือไม่เขาก็สามารถตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าไม่ ครั้งแรกที่เขาใช้พลังเวทย์ทำอาหารมันเป็นฝันร้ายของใครหลายๆคน เพราะอาหารที่ควรจะสามารถทานได้อย่างไรอร่อย กลับกลายเป็นสีดำเถ้าถ่าน หากทานไปแล้วอาจจะถึงคราวสิ้นชีวาวาย

“ไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะทำไมไม่ปล่อยให้มันอยู่ของมันดีๆ ทำไมต้องไปฆ่ามันด้วย” เสียงตัดพ้อของชิโระดังขึ้น ก่อนที่เด็กน้อยผมขาวจะมองปลาบนพื้นที่กำลังดิ้นทุรนทุรายแล้วค่อยๆขาดใจตายอย่างช้าๆ
ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มจะคิดอย่างเบื่อหน่ายว่า เป็นกี่มื้อมาแล้วที่เขาต้องกินปลาลงไป แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับเก็บมันไว้ในใจและยิ้มแย้มตอบเด็กทั้งสอง “ก็ดีเหมือนกันนะ ถ้ายังงั้นให้พี่จีน่ากับลินทำให้กันก็แล้วกัน”
หลังจากที่กลุ่มของเขากำลังทำอาหารรับประทานเด็กหนุ่มก็เดินมายังริมลำธารที่เขาไม่ได้ดูตั้งแต่ทีแรก น้ำที่ใสสะอาดสั่งให้เขาได้มองพิจารณาใบหน้าของตนเองอีกครั้ง ใบหน้าที่อยู่ในวัยอ่อนยาวที่ไร้รอยแผลเป็นทำให้เขาพันรำลึกขึ้นมาได้ทันใดว่าตอนนี้เขาไม่ใช่วินคนเดิม คนที่ต้องมีภาระบนบ่าที่แสนหนักอึ้ง คนปกป้องและดูแลบ้านเมือง แต่ตอนนี้เขาคือเด็กหนุ่มที่ไร้ซึ่งเรื่องกังวล เว้นแม้แต่ชาวต่างมิติที่โผล่มา
‘ถ้าเราใช้ชีวิตที่ได้ครั้งที่ 2 นี้ไม่คุ้มค่าก็คงเสียทีที่ได้รับโอกาส ถ้ายังงั้นชีวิตครั้งนี้ที่ได้มาเราคงต้องใช้ให้มันสนุกสุดเหวี่ยงมากกว่าเดิม’
เพียงไม่นานกลุ่มของเด็กหนุ่มก็หลุดออกมาจากป่าที่ ตรงหน้าของพวกเขาเป็นเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สำหรับเด็กหนุ่มเขาคงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่มันกลับไม่ใช่สำหรับ 3 สาวที่อยู่ข้าง ๆ
หลังจากที่กลุ่มของเด็กหนุ่มรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว พวกเขาจึงเดินทางต่ออีกครั้งหนึ่ง
แสงตะวันยามเย็นลาลับขอบฟ้าพร้อมกับฝุ่นควันที่ ค่อยๆปรากฏตรงหน้าของวิน ผู้คนที่เดินทางกันขวักไขว่ยานพาหนะที่พวกเขาไม่เคยเห็นทำให้เด็กหนุ่มอดประหลาดใจไม่ได้ กลิ่นหอมของอาหารนานาชนิดประกอบกับผู้คนที่กำลังจับจ่ายใช้สอย บ้านก็ซื้อของเพื่อไปทำอาหารเย็นบ้างก็ซื้ออาหารเพื่อไปรับประทาน
ภูเขามองซ้ายมองขวาก่อนที่จะจับมือเด็กทั้งสองไว้แน่นเพื่อให้พลัดหลง เด็กหนุ่มหันถามหญิงสาวผมฟ้าที่เดินอยู่ด้านข้าง “พวกเราจะไปพักที่ไหนกันดี”
ลินกวาดตามองโรงแรมเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้าก่อนที่จะเฮ้ยปากยังไม่ค่อยมั่นใจนัก “ไม่รู้เหมือนกันไม่คิดเลยว่าพวกเราจะมาถึงเย็นขนาดนี้ แต่ว่านะถ้าจำไม่ผิดแม่เคยบอกว่ามีบ้านอยู่ข้างในเมืองนะ แต่ว่าฉันก็ไม่รู้ว่าจะเดินทางต่อไปต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ถ้าจำไม่ผิดอาจจะไม่เกินครึ่งวัน”
เด็กหนุ่มมองท่าทางเอาจริงเอาจังและคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเด็กสาวผมฟ้า เขาไม่คิดเลยว่าต่อให้เป็นเรื่องที่หนักหรือไม่หนักสักแค่ไหนเธอก็จะคิดมาก เด็กหนุ่มตัดสินใจพูดขึ้น “เรื่องเงินไม่ต้องห่วงฉันว่าพวกเรามีทางหามาได้อยู่แล้ว เอาเป็นว่าพวกเราเลือกที่พักที่สะดวกสำหรับพวกเราดีกว่า”
“ใช่ๆผมอยากได้ที่พักทุ่งกว้างมีที่เล่นสนุกๆให้ดีมีสนามเด็กเล่นหรือไม่ก็ของเล่นด้วยก็ดีนะ” เด็กชายผมดำพูดพลางมองซ้ายมองขวาเพื่อที่จะหาของเล่นใหม่ เนื่องจากการโจมตีของอสูรอีการิทำให้ของเล่นที่เด็กน้อยอุตส่าห์นำมาจากหมู่บ้านต้องหายวับไปกับตา
ตอนที่คุโระรู้ตัวเด็กน้อยก็ร้องไห้ประมาณ 2-3 ชั่วโมงจนวินต้องไปปรอทให้หยุดร้อง เหมือนกับเด็กน้อยผมขาวที่มีท่าทางเหมือนเป็นผู้ใหญ่ แต่พอเธอรู้ว่าหนังสือเวทย์มนต์ที่เธออุตส่าห์ทำมาจากหมู่บ้านต้องถูกไฟของมอนสเตอร์เผาทำลายเหลือแต่เถ้าถ่านไป เธอก็ร้องไห้ไม่ต่างกัน ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงสัญญาไว้ว่าหากถึงหมู่บ้านที่มีของที่เด็กทั้งสองต้องการเขาจะซื้อของที่เด็กทั้งสองต้องการให้
“ได้สิ แต่ว่าขอให้พวกพี่หาที่พักก่อนแล้วหลังจากนั้นเดี๋ยวพี่จะออกมาซื้อให้”
“ไม่เอา ผมจะออกมาซื้อด้วย”
“ใช่หนูด้วย”
“ได้เลย รอไปก่อน”
“ใช่แล้วล่ะอย่างที่พี่วินพูด แล้วอีกอย่างก่อนที่พวกเราจะมาเดินเที่ยวกันพวกเราต้องอาบน้ำก่อนหรือเปล่า จำได้หรือเปล่าเนี่ยว่ากี่วันมาแล้วที่พวกเราไม่ได้อาบน้ำ ฮะคุโระชิโระ”
เด็กทั้งสองฝ่ายน่าปฏิเสธคำถามของ อาโออิ ทำให้หญิงสาวถอนหายใจออกมาสำหรับเธอเด็กที่ไม่คิดอะไรนี่มันดีจริงๆ ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้คิดว่าต้องรักนวลสงวนตัวมากนัก แต่ด้วยวัยที่เจริญเติบโตขึ้นทำให้เธอไม่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่ผ่านมา
“ฉันรู้นะว่าเธอก็อยากอาบน้ำเต็มแก่ ใช่ไหมลิน”
“ใช่ แต่ว่าถ้าพวกเรายังหาที่พักไม่ได้เร็ว ๆ นี้มีหวังฉันต้องอึดอัดตายแน่ๆ”
เพียงไม่นานกลุ่มของเด็กหนุ่มจึงได้เดินมาหยุดตรงที่บ้านหลังเล็กกะทัดรัดแห่งหนึ่ง บ้านหลังนี้มีปล่องไฟขนาดไม่ใหญ่มากนักตุ่มหน้าบ้านเขียนใบประกาศขายเปิด วินมุมมองอยู่ครู่หนึ่งต้นจะเดินไปหากลุ่มคนที่อยู่ไม่ห่างไปนัก
หญิงสาววัยกลางคนท่าทางใจดีเด็กหนุ่มที่ก้าวเท้าลงมาหาพวกเธอ เมื่อเด็กหนุ่มเห็นดังนั้นเขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน “สวัสดีครับพี่สาว ผมอยากจะรู้ว่าบ้านหลังนี้ขายราคาเท่าไหร่เหรอครับ ไม่ทราบว่าพอจะบอกที่ติดต่อให้ผมรู้ได้หรือเปล่า”
ท่าทางที่อ่อนน้อมต่อกับรอยยิ้มอันงดงามสมเด็จตรงหน้า ทำให้หญิงสาวอมยิ้มตอบ “บ้านหลังนี้นะหรอรู้สิ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของขุนนางคนนึง ขุนนางคนนั้นน่ะเคยเป็นลูกศิษย์ของโรงเรียนเวทย์มนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนี้ แต่ว่านะไม่นานน่ะคนนั้นคนนั้นก็ถูกพวกสัตว์อสูรฆ่าตาย ทำให้บ้านหลังนี้ต้องถูกขาย”
“หนังที่ผมต้องการไปซื้อบ้านหลังนี้สามารถไปติดต่อที่ไหนได้บ้างหรอครับ”
หญิงสาวทำท่าครุ่นคิด ก่อนที่จะกล่าวอีกรอบ “รู้สึกว่าจะต้องไปถามกับแอนนา เป็นผู้หญิงผมสีทองดัดเป็นลอนหน้าตาสะสวย ตอนนี้หล่อนน่าจะอยู่ที่ตลาดนะถ้าเดินไปเรื่อยๆอาจจะเจอก็ได้”
หญิงสาวกล่าวจบเธอจึงได้วาดวงเวทย์ แสงสีฟ้าส่องประกายไปรอบ ๆ ทันใดนั้น เองสิ่งที่เหมือนภาพ 3 มิติปรากฏตรงหน้าของเด็กหนุ่ม
วินอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงกับความสามารถของเจ้าหล่อน หากเขามีความสามารถแบบนี้ไม่สิห้างหุ้นส่วนเขาเคยมีความสามารถแบบนี้ เล่นหลายอย่างในชีวิตคงง่ายขึ้น
หญิงสาวหน้าตาสะสวยผมสีทองดัดเป็นลอนอายุประมาณ 20 ต้นๆปรากฏขึ้น วินรีบจำผ้าถุงก่อนที่จะขอบคุณหญิงสาวที่อยู่ในวัยกลางคน หลังจากนั้นเด็กหนุ่มจึงได้เดินออกมาและพากลุ่มของเขาโดยตรงไปยังตลาดใจกลางเมืองอีกครั้ง
เรื่องที่พวกเขากำลังเดินทอดน่องไปอย่างสบาย ๆ ทันใดนั้นเอง เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มกวาดสายตาดูยังตอกแห่งหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าการปล้นจี้หรือการทำร้ายกันจะเกิดขึ้นตอนเย็นที่แสงตะวันยังไม่ลับขอบฟ้าเช่นนี้ ก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไรเขาก็รู้สึกว่าหญิงสาวผมทองได้หายตัวไปราวกับสายฟ้า
เด็กหนุ่มถอนหายใจพลางภาวนาในใจ หากถามว่าเขาภาวนาให้ใครเขาขอโทษนะให้กับคนร้ายที่ต้องเจอกับพญามัจจุราชที่หน้าตาสะสวย ‘อย่าทำอะไรรุนแรงจนมันตายก็แล้วกันนะจีน่า’
จีน่าเคลื่อนล่างมาเธอพบกับหญิงสาวในชุดสีแดงบนหัวประดับด้วยดอกไม้ท่าทางอ่อนช้อย หากดูให้ดีก็คงรู้ได้ทันทีว่าคงเป็นลูกคุณหนูจากตระกูลไหนศักดิ์ตระกูลเป็นแน่ ดูหน้าของเธอมีชายหนุ่มเช่นกันท่าทางธุระนำมึงมาปิดปากหญิงสาวไว้ทำให้เธอไม่สามารถส่งเสียงขอความช่วยเหลือได้
“อย่าพูดมากนะ ไม่งั้นแก้ได้หัวหลุดออกจากตัวแน่ๆ ให้ฉันจับตัวแกดีๆจะได้ไม่ต้องเจ็บตัวหลังจากนัดเพราะพวกฉันได้เงินฉันก็จะปล่อยแกไป”
หญิงสาวในชุดแดงหน้าตาสวยผมสีน้ำตาลเริ่มมีน้ำตาไหลออกจากดวงตา เธอค่อยๆหลับตาลงเรากลับว่าจะยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้ทำอะไรมากกว่านั้นมันก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่กำลังตรงเข้ามาหามันอย่างรวดเร็ว จิตสังหารหารของคนที่กำลังพุ่งมานั้นทำให้มันเสียวสันหลังวาบ มันจึงเหวี่ยงร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลออกไปจากตัว
“แกเป็นใคร” มันเงยหน้ามองทำให้มันพบว่าผู้ที่ปล่อยจิตสังหารมานั้นก็คือหญิงสาวผมสีทอง มันยิ้มเยาะในใจก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความหื่นกาม
“ที่ไหนได้ก็เป็นหน้าตาสาวสวยนี่เอง น้องสาวชื่ออะไรหรอต้องการให้พี่พี่พาไปเที่ยวหรือเปล่า”
“อย่าเข้ามาใกล้ไอ้โรคจิต” เด็กสาวผมทองกำหมัดแน่น พลังเวทย์ที่รุนแรงของเธอส่องประกายสีแดงสารไปรับรอบบริเวณ ทำให้ทุกสายตาต้องจับจ้องมายังจุดเกิดเหตุ
วินมองสถานการณ์อยู่ไม่นานเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจเคลื่อนร่างมายังจุดเกิดเหตุ ภาพที่เขาเห็นก็คือชายหนุ่มที่มีท่าทางหื่นกามประกอบกับหญิงสาวผมทองที่กำหมัดแน่นเตรียมตัวชกเข้าไปที่ใบหน้า ส่วนหญิงสาวอีกคนน่ะหรอเขากวาดสายตามองไปรอบๆกลับไม่พบเสียแล้ว
‘นี่มันอะไรกัน หญิงสาวคนนั้นพื้นหลังขายไปโดยที่พวกเราไม่รู้สึกตัวเลยหรอ มิหนำซ้ำจีหน้าก็ไม่ทันสังเกตด้วย ไม่ใช่ธรรมดาซะแล้ว’