คุณอยู่ที่

บทที่ 20 เมืองวิทาเรีย ตอนที่ 3

เขียนโดย nuttapol เมื่อ อาทิตย์, 11/27/2022 - 09:09
Share

หมวดเนื้อหา:

หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันจบแล้วฟานจึงได้นำไปยังใจกลางเมือง ดูที่มีพวกชาวบ้านและกลุ่มของเด็กหนุ่มเดินตามมาไม่ห่าง เพียงไม่นานเรื่องที่พวกเขาจะมาลองกันก็ดังไปทั่วเมืองเล็กๆแห่งนี้ ผู้ที่มีอิทธิพลในเมืองรวมมารวมตัวกันจากงานประลองที่เด็กหนุ่มเคยคิดว่าจะเป็นงานประลองเล็กๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นงานประลองที่ใหญ่โต
เขาเพิ่งมารู้ภายหลังว่า ชายที่ดูท่าทางหื่นกามเนื้อไม่เอาจริงเอาจังคนนี้เป็นลูกคนที่มีอิทธิพลพอสมควร บิดาของฟานเปิดซิงอัศวินที่เคยอยู่ในเมืองหลวงวิทาเรีย เป็นหนึ่งในผู้ใช้เวทย์ถ้าปฐพีที่แข็งแกร่งที่สุด แถมยังเป็นผู้สร้างอาวุธที่หาตัวจับได้ยาก
หลังจากที่เขากับภรรยาได้ให้กำเนิดลูกคนนี้ เพียงไม่นานภรรยาคุมเขาก็ต้องเสียชีวิตไปด้วยโรคร้าย ทำให้เด็กหนุ่มต้องเติบโตมาเพียงผู้เดียว ประกอบกับตอนนั้นโฟงทำงานเป็นอัศวินเวทมนต์ หลังจากที่เขาทำงานและเกษียณตัวเองเรียบร้อยแล้วเขาก็มาเป็นทหารรับจ้างอยู่สักพัก ตอนที่เขาได้มาเจอลูกตัวเองก็พบว่าลูกของตนนั้นเติบโตจนยากที่จะดัดนิสัยไปเสียแล้ว
ชายวัยกลางคนเด็กหนุ่ม 2 คนที่เดินคู่กันมา เขามีแววตาเป็นประกาย ดูวิธีการที่เขาจะนิสัยลูกคนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ แต่หลังจากที่เขาเห็นแววตากับท่าทางของเด็กชายต่างวัย ทำให้เขาอดตั้งความหวังมาใหม่ไม่ได้ เขาไม่คิดว่าเด็กตรงหน้าจะสามารถมาช่วยเหลือเขาได้ เสียทีเดี่ยว แต่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงจะทำให้ลูกชายที่หยิ่งผยอง หมุนตระหนักถึงความไร้ฝีมืออของตนเองขึ้นมาบ้าง
เขาละสายตาออกจากลูกตัวดีก่อนที่จะเรียกเด็ก รับใช้ที่อยู่ด้านข้าง แต่เมื่อเขาได้ยินว่าชายหนุ่มตรงหน้าจะประลองกับลูกเขาโดยที่ไม่ใช้พลังเวทย์ เฟิงก็อดประหลาดใจไม่ได้ เขารู้ดีว่าหากพลังเวทย์กับพลังเวทย์กันความเสียหายต่อร่างกายนั้นจะไม่หนักหนามาก กล่าวคือถ้าพลังเวทย์ทั้ง 2 ปะทะผู้ใช้พลังเวทย์จะไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก แต่ว่าหากผู้ใดหมดพลังเวทย์และโดนโจมตีซ้ำไปโอกาสที่จะเสียชีวิต
การประลองแบบนี้อีกฝ่ายไม่คิดว่าตนเองมีฝีมือที่เหนือกว่า ก็เกรงว่าชายคนนั้นคงจะสติไม่ดีเป็นแน่ ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากห้ามการประลองที่บ้าบอสิ้นดี เขากลับมองไปเห็นชายชราที่ แสนคุ้นเคย
ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนร่างเขากลับได้ยินเสียงชายชรา ‘อย่าขยับ และอย่าไปห้ามเด็กหนุ่มนั่น’
‘ตอนนี้เจ้ากำลังใช้เวทย์มนต์สื่อสารคุยกับข้าอยู่ยังงั้นหรอ’
‘ใช่แล้ว ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเจ้าหนุ่ม เครื่องสำอางลูกศิษย์ในอนาคตของข้าดังนั้นในเมื่อการประลองนี้จะเป็นอย่างไร ขอห้ามเจ้าไม่ให้ไปยุ่งกับการประลอง แล้วอีกอย่างหนึ่งจงเอาแหวนที่ผนึกพลังเวทย์ไปสวมให้เจ้าดูคนนั้นอีกสักวง’
สิ้นเสียงชายชราก็หายไป เฟิงกวาดตามองไปรอบๆแต่ก็ต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ผ่านมากี่ปีเขาก็ไม่สามารถเทียบเทียมพลังเวทย์ได้เท่ากับชายผู้นี้สักที
ณ น้ำพุเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองต้นไม้ใบหญ้ารอบๆ ต้นไม้ใบหญ้ากิ่งก้านสาขาราวกับว่ามันกำลังรับแสงตะวันที่จะลาลับขอบฟ้าอีกไม่นาน
ชายฉกรรจ์เริ่มมีสีหน้าจริงจัง และขายมือเพื่อเป็นการเชิญให้วินแนะนำตัว เด็กหนุ่มผมทองยิงที่มุมปาก “ผมตื่นอายุ 15 วิธีถนัดคือทอดไฟแต่ว่าในครั้งนี้ผมจะไม่ใช้เวทย์มนต์”
สิ้นคำกล่าวชายฉกรรจ์ก็เริ่มแนะนำตัว “ข้าชื่อว่าฟาน เป็นลูกของอัศวินประจำเมืองนิทานพ่อของข้ามีนามว่าโฟง วันนี้ข้าขอรองกับเจ้าตากผ้าแพรเรื่องในวันนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องอะไรทั้งสิ้น แถมยังถ้าจะขอเป็นลูกน้องของเจ้า แต่หากค่าชนะข้าจะขอการกระทืบช่างให้หายแค้น”
“ยินดีที่จะต่อรองกับคุณฟาง”
ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มเข้านิวาสกันอีกรอบ จู่ๆก็มีเด็กหนุ่มใส่ชุดเขียวเดินตรงมาทางฟาน มันยื่นแหวนเวทย์มนต์ให้ ก่อนที่ฟานจะพยักหน้าหลังจากนั้นมันก็หันมาทำวิน
“แหวนพลังเวทย์ ท่านพ่อของท่านฟานทราบเรื่องที่พวกท่านต่อสู้ ดังนั้นจึงเสนอความช่วยเหลือนักเรียนคือให้แหวนผนึกพลังโลกหมุนมาขอรับ เชิญท่านสวมหลังจากนั้นท่านก็จะไม่สามารถใช้พลังเวทย์ได้”
เด็กหนุ่มคว้าแหวนในมือของชายตรงหน้ามาใส่อย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มต่อสู้ พลังเวทย์ของชายหนุ่มเข้าปะทะกับร่างกายที่ไร้ซึ่งพลังของเด็กหนุ่มผมทอง วินรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าร่างของฟานโผล่ขึ้นมาตรงหน้าพร้อมกับหมัดที่เร็วดุจสายฟ้าฟาด เขาหมุนเท้าออกด้านข้างเพื่อเบี่ยงตัวหลบ แล้วใช้ท่าที่เคยใช้ตอนที่อยู่หน่วยรบพิเศษนั่นก็คือจับข้อมือของคู่ต่อสู้
ต่อให้คนเราจะมีแรงมากขนาดไหน หากแต่ถ้าโดนสกัดจุดที่สำคัญคนเรานั้นก็จะไม่สามารถออกแรงได้อย่างเต็มที่ และพลังโจมตีก็จะไร้ซึ่งประสิทธิภาพและประสิทธิผล เนื่องด้วยเด็กหนุ่มเคยเป็นอดีตสายลามเขาจึงเข้าใจว่าการต่อสู้ตรงๆนั้นไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะหากต้องต่อสู้กับผู้ที่มีความสามารถทางพลังที่ต่างชั้นกับตนเอง
เขาเคลื่อนล่าง - และดีดตัวถอยหลังเพื่อให้แรงของฟานส่งให้เขาไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็บิดข้อมือของฟาน เสียงข้อมือหลุดดังขึ้นพร้อมกับการกรีดร้องของชายฉกรรจ์
การกระทำของเขาเรียกทุกสายตาให้มาจับจ้องมอง ทุกคนไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ไร้ซึ่งพลังเวทย์จะสามารถทำได้ขนาดนี้ แต่ว่าสำหรับเด็กหนุ่มเรื่องแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก การต่อสู้แบบนี้มันเริ่มมาตั้งแต่ 6 เดือนก่อน
หน้าทางเข้าดันเจี้ยนชายทั้งสามหนุ่มน้อยตรงหน้าอย่างตกตะลึง “นี่เจ้าคิดบ้าอะไรกันเจ้าหนู”
“ถ้าทักษะการต่อสู้ของผมหลุดของคู่ต่อสู้มันต่างกันมากผมคิดว่าน่าจะจำกัดการใช้พลังเวทย์ได้นะครับ และอีกอย่างนึงอย่าลืมสิครับถึงผมจะไม่มีพลังเวทมนตร์แล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังมีลมปราณอยู่”
ท่าทางที่แสดงความมั่นใจของวิน ทำให้ทุกคนต้องถอนหายใจแต่ความคิดอันบ้าบิ่นของเด็กหนุ่ม อะคายิ้มอย่างสนใจ “ถึงมันจะเป็นวิธีที่เสี่ยงไปนิดนึง แต่ว่ามันก็หน้าสดลองดูเหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าฉันจะรับรองไม่ได้ก็ถือว่ามันจะสำเร็จหรือเปล่า น่าจะลองไหมล่ะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับความคิดของชายผมแดงนั้นถูกใจเขายิ่งนัก “ผมคิดว่าถ้าไม่เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินจริงๆคงไม่ต้องใช้วิธีนี้หรอกครับ แล้วอีกอย่างนึงผมรู้สึกว่าตั้งแต่ที่ผมสวมแหวนวงนี้มันก็ค่อยดึงพลังเวทย์ผมไปทีละเล็กทีละน้อย” เขาชูแหวนสีแดงที่ทอประกายให้ชายทั้ง 3 ดู
แฟนท่อมสายหัวปฏิเสธความคิดของชายหนุ่มทั้งสอง เขาเรียกดาบสีดำสนิทขึ้นมา ก่อนที่จะให้วินยับยั้งพลังเวทย์ “ถ้าเธอคิดว่าเธอจะไม่ใช้พลังเวทย์ในการต่อสู้ อย่างน้อยที่สุดเธอต้องสามารถถือเจ้าหนี้ได้ แต่ถ้าเกิดเธอถือมันไม่ได้ล่ะก็ฉันขอเตือนว่ามันคงเป็นเรื่องยากมากๆ เพราะว่าการต่อสู้กับผู้ที่มีพลังเวทย์มันยากมาก ในโลกนี้เธอก็รู้ดีไม่ใช่หรอว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีพลังเวทย์ แล้วก็คงยังไม่ลืมหรอกนะว่าก่อนที่เธอจะได้พลังมามันยากมากขนาดไหน”
“ใช่ใช่แล้วล่ะ ถ้าคิดว่าเจ้าไม่ควรที่จะใช้ความรู้ความสามารถในโลกดื่มมาวัดกับความรู้ความสามารถของคนในโลกนี้ ถึงแม้ว่ากระบวนท่าต่างๆผู้คนส่วนใหญ่จะไม่เข้าใจและไม่รู้วิธีการใช้ ศิลปะป้องกันตัว ถึงแม้ว่าศิลปะการป้องกันตัวของเจ้าเมืองจะสูงส่งขนาดไหนก็ตาม แต่สำหรับโลกใบนี้คนส่วนใหญ่ใช้พลังเวทย์กับทางนั้น เจ้าลองคิดดูผู้คนส่วนใหญ่แค่ร่ายเวทหรือว่าวงเวทย์เจ้าก็ถูกเผาผลาญจนสิ้นชีวาได้อย่างง่ายดาย”
“ผมรู้ดีครับ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าพลังเวทของผมหมดขึ้นมามันก็คงยากที่จะชนะ”
ก่อนที่ทุกคนจะเถียงกันยืดยาวกว่านี้ ชายผมแดงก็โบกมือเป็นเสียงห้าม “ถ้าจะลองก็รีบลองดีกว่า ไม่อย่างนั้นมันก็จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ”
สิ้นคำกล่าวแฟนท่อมจึงกระดาษสีดำทมิฬลงกับพื้น ก่อนที่เด็กหนุ่มจะเดินมายกดาบ แต่ทว่าด้วยความหนักของมันเขาจึงไม่สามารถขยับมันได้แม้แต่นิดเดียว
เวลาได้หมุนเวียนไปเรื่อยๆจนผ่านไปประมาณ 10 วันเด็กหนุ่มจึงสามารถขยับดาบนั้นขึ้นมาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับไม่พอใจ วินค่อยๆให้แฟนท่อมหน้าเว็บเพื่อทำให้ร่างกายของเขามีน้ำหนักคล้ายๆกับดาบเล่มนั้น หลังจากนั้นเขาก็เฝ้าฝึกฝนโดยที่ร่างกายมีน้ำหนักเรากับมีของหนักๆพ่วงเอาไว้ตลอดเวลา
ตัดมายังปัจจุบัน
‘เราเคยทดลองไปแล้ว แต่ว่าการต่อสู้กับฝีมือระดับนี้คงมันคงไม่ได้ยากอะไรที่จะทำให้เราชนะมันได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าทางที่ดีเราอย่าประมาทเลยดีกว่า’
พลังเวทย์ที่ไม่สามารถใช้ได้ ทำให้เขาได้ใช้พลังกายจริงๆเป็นครั้งแรก เด็กหนุ่มหายใจพร้อมกับฟานที่กระโดดร่างลุกขึ้นมาได้ มันวาดวงเวทย์บางอย่างทันใดนั้นเองแสงสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นเพื่อรักษาบาดแผลของมัน ถึงแม้ว่าพลังเว้ยรักษานี้จะไม่ได้แข็งแกร่งมากเท่าไหร่นะ แต่มันก็เพียงพอสำหรับการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
“เจ้าคิดผิดแล้วที่ต่อสู้กับค่าโดยที่ไม่ใช้พลังเวทย์” ฟานทะยานร่างเพียงพริบตามันก็ถึงเบื้องหน้าของเด็กหนุ่ม
ท่าทางแสนมั่นใจของชายตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มอดคิ้วกระตุกไม่ได้ “แหม ๆ มั้นใจขนาดนี่ไม่รู้ว่ากินอะไรมานะ ฉันชักอยากรู้แล้ว”
“อยากรู้งั้นหรอ ถึงแกอยากรู้แล้วแกจะทำยังไงไม่ทราบ”
วินใช้พลังกายทั้งหมด เพียงเซี่ยววิเด็กหนุ่มจึงโผล่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะใช้เท้าเตะเข้าไปที่หน้าท้องของฟาน ถึงแม้ว่าร่างกายของมันจะไม่ได้กระเด็นออกไปก็ตาม แต่ว่าเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับคนที่ไม่เคยฝึกร่างกาย เขามองดูแป๊บเดียวก็รู้ว่าถ่ายตรงหน้าใช้เป็นแต่พลังเวทย์ ถามพลังเวทย์ยังต้อยต่ำสุดอีกต่างหาก
จีน่ามองการต่อสู้อย่างเบื่อหน่าย เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องเสียเวลากับการต่อสู้ที่ไร้สาระอย่างนี้ด้วย ผู้คนรอบข้างมองดูยังแปลกใจ แต่สำหรับเด็กสาว มันก็เป็นเรื่องที่ปกติที่สุด คุโระกับชิโระหิวข้าวจนทนไม่ไหวทำให้เลินและอาโออิพาเด็กทั้งสองไปรับประทานอาหารเย็น โดยที่ทิ้งให้อยู่คนเดียวตามลำพัง
หล่อนถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจจะกล่าวบางอย่างแต่กลับต้องกลืนคำพูดลงคอ สายตาของหล่อนเหลือบไปเห็นชายชราที่ดูคุ้นตาก่อนที่เธอจะตัดสินใจก้าวเท้าติดตามไป โดยที่เด็กสาวไม่รู้เลยว่าการกระทำครั้งนี้จะเป็นสิ่งผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ตัดมาที่วิน
เขาตัดสินใจชกหมัดเข้าไปแต่กลับถูกบาเรียขวางกั้น เด็กหนุ่มชกหมัดตัวราวกับสายฟ้าฟาดถึงแม้ว่ามันจะไม่สามารถทะลุบาเรียได้ก็ตาม ฟานตัดสินใจพลังออกและเตะเด็กหนุ่มอีกครั้ง กระจู๋มันก็ต้องแปลกใจเมื่อท่าทางและร่างกายของเด็กหนุ่มตรงหน้านั้นเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังตีน
ถึงแม้ว่าพลังเวทย์จะไม่ได้สูงส่งมากนักก็ตาม แต่สำหรับเด็กหนุ่มที่ขยันหมั่นฝึกฝนทุกวัน ฝีมือระดับของชายตรงหน้าจะนับเป็นอะไรได้
เขาเคลื่อนไหวร่างกายตามที่ได้ซักซ้อมมาประกอบกับประสบการณ์จากเมื่ออดีตชาติ หลบการต่อยตีเหมือนเด็กเล่นของฟาน ก่อนที่จะต่อยหมัดเข้าไปอีกครั้ง ทุกคนที่มองดูรู้แก่ใจดีว่า ฝีมือที่ต่างฉันกันขนาดนี้ต่อให้จะสู้อีกสักกี่ครั้งก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กน้อยผมทองตรงหน้าได้
“แกไปเอาพลังมากมายขนาดนี้มาจากไหน“ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นกลัว
ฟานเช็ดเลือดที่มุมปากก่อนที่จะชี้นิ้วสั่นถามเด็กหนุ่ม สำหรับมันในตอนนี้วินคือพญามัจจุราชดีๆนั่นเอง หากเด็กหนุ่มตรงหน้าต้องการที่จะไว้ชีวิตเขาก็รอด หรือหากถ้ามันต้องการจะสังหารเขาก็แค่ตาย แต่สำหรับชายหนุ่มเขารู้ได้ทันทีว่าเขายังไม่อยากจะตายตอนนี้ ฮักเขาตายตอนนี้มันจะนับเป็นอะไรได้ เขาจะต้องทำทุกวิถีทางที่ทำให้เขารอด
สำหรับวินเขามองดูท่าทางของชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยความสมเพชอย่างไม่ปิดบัง “ไม่เห็นต้องถาม พลังที่ฉันมีมันก็เกิดจากการฝึกฝนทุกวันยังไงล่ะ ถ้านายขยันฝึกฝนละก็ นายก็จะมีพลังแบบนี้เหมือนกัน”
เขาตัดสินใจเอื้อมมือไปจับชายหนุ่มที่มีอาการห่อ ก่อนที่จะพูดขึ้น “คนเรามันไม่สายไปหรอกถ้าเราจะเริ่มฝึกฝนอะไร ขอแค่เราตั้งใจจริงกับมันก็พอ”
โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าการกระทำและท่าทางของเขานั้นมันนเป็นการดูถูกอย่างร้ายแรงสำหรับเด็กหนุ่ม ระหว่างที่วินกำลังประมาททันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ช่องท้องพร้อมกับเลือดสีแดงสดที่ไหลออกมาจากริมฝีปาก
“อย่ามาดูถูกฉัน”
ตัดมายังกลุ่มของลิน ระหว่างการต่อสู้ ๆ จู่เด็กน้อยทั้งสองก็เกิดหิวขึ้นมาทำให้เด็กสาวทัี้งสองจึงตัดสนใจขอออกมาจากการประลองของเด็กหนุ่ม เนื่องจากยังไงวินก็ชนะอยู่แล้วโดยที่พวกเธอให้จีน่าดูการต่อสู้
เดิมทีกลุ่มของลินคิดว่าจะมารับประทานอาหารเย็น แต่เมื่อเดินไปเดินมาอยู่สักพักเด็กน้อยทั้งสองได้กินขนมชิ้น 2 ชิ้นพวกเธอกับต้องการที่จะเอาขนมและอาหารไปฝากวิน ดังนั้นจากการที่จะมารับประทานอาหารกับกลายเป็นการซื้อของกินจุกจิกแทน เนื่องจากตอนนี้คนส่วนใหญ่ได้ไปอยู่ที่งานประลองใจกลางเมือง ทำให้การเดินซื้อของของพวกเธอทำได้อย่างง่ายดาย เด็กทั้งสองซื้อนู่นซื้อนี่จนพอใจอยู่สักพัก จนตอนนี้ของที่พวกเธอต้องถืนนั้นมีมากมายจนนับไม่ถ้วน
“ถ้าจีน่ามาด้วยก็ดีสินะ เราจะได้ใช้เวทมิติเก็บของ” อาโออิมองขนมขบเคี้ยวที่อยู่ในมือ แต่ถึงแม้เธอจะถือของกินเยอะแค่ไหนก็ตามมันกลับไม่ใช่ขนมของเธอ
“นั่นนะสิ” ลินมองยังเด็กทั้งสองที่เธอต้อบงจับมือเอาไว้แน่น ถึงแม้ว่าจะไม่มีคนเดินไปเดินมาก็ตาม แต่เด็กสาวก็ไม่ไว้ใจใหั้เด็ก ๆ คลาดสายตา
ไม่นานพวกเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเด็กหญิงผมทองที่แสนคุ้นตากำลังก้าวฉับๆ ตามบางสิ่งบางอย่างที่พวกเธอมองไม่เห็น ก่อนที่หญิงสาวผมสีน้ำตาลจะตะโกนเรียกเสียงดัง
“จะไปไหนน่ะจีน่า ไม่ได้ดูการต่อสู้ของวินอยู่งั้นหรอ”
เด็กหญิงผมทองหันหลังขวับก่อนที่จะหยุดฝีเท้า หลังจากที่เธอได้มาตรงมาทำให้เด็กสาวพบกกับกลุ่มของลิน “กินข้าวกันเสร็จแล้วงั้นหรอ”
เด็กสาวผมฟ้าส่ายหน้าปฏิเศธ “ปล่าว ได้แค่ขนม พวกคุโระกับชิโระจะรอวินให้ต่อสู้เสร็จก่อน แล้วค่อยมากินพร้อมกัน” ว่าแต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ ไม่ได้อยู่กับวินหรอ”
“จริงด้วย” จีน่ากวาดตามองแต่เธอต้องผิดหวังเมื่อเธอไม่พบกับชายชรา
“ลินฉันเจอกับ”
“แย่แล้ว เจ้าเด็กที่สู้กับฟานถูกแทงไส้ไหลเลย น่าจะบาดเจ็บหนักเลยรีบไปดูเร็วเข้า”